คุยกับ“วิคเตอร์ มีชัย สีหราช” | กับเส้นทางนักเต้น ที่ไม่หยุดพัฒนา

คิดจะพัก-ว่ากันว่า “พรสวรรค์” เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดแต่ละคนก็มีพรสวรรค์ที่แตกต่างกันไปทำให้มนุษย์สามารถเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่งโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม แต่ในปัจจุบัน เพียงพรสวรรค์คงไม่พอเพราะสิ่งที่จะทำให้พรสวรรค์นั้นคงอยู่ และสำเร็จผลได้ก็คือ “พรแสวง”ที่ต้องมาคู่กัน แสวงหาความรู้ ตั้งใจฝึกฝน และไม่หยุดที่จะพัฒนา ดังเช่นวิคเตอร์ มีชัย สีหราช นักเต้นที่ไม่จำกัดขีดความสามารถของตนเอง

วิคเตอร์ กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 สาขาวิชานิเทศศาสตร์วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิตเมื่อย้อนไปคุยถึงสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจบินตรงกลับมาจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อมาศึกษาต่อที่ประเทศไทยนั้น วิคเตอร์ได้เล่าว่า

“พอจบ High School จากที่ออสเตรเลียก็เริ่มทำงานเลยครับทั้งไปเต้นบนเรือ งานละครเวทีต่างๆแต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องกลับมาประเทศไทย รู้สึกอยากเรียนต่อเมื่อได้ลองหามหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรอินเตอร์ดูจึงเห็นว่ามหาวิทยาลัยรังสิตเป็นหนึ่งในนั้น

พอได้ตัดสินใจเข้ามาเรียนแล้วเราก็รู้สึกประทับใจมาก เพราะมีสังคมที่ดีรู้สึกว่าที่นี่เหมือนบ้านเลยครับ”ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยรังสิตเขามุ่งมั่นในเรื่องเรียนและการทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรในงานต่างๆของมหาวิทยาลัย การแสดง หรือการเต้นและสิ่งที่เขาได้รับกลับมาทุกครั้งหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมคือ มิตรภาพ


“ทุกคนเป็นมิตรมากครับ ไม่ใช่แค่เพื่อนๆแต่อาจารย์ก็มีความเป็นกันเองมากเหมือนคนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันแล้วไม่อึดอัดเลย ผมอาจจะพูดคำนี้บ่อยแต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ครับ ไม่ใช่แค่เฉพาะอินเตอร์เท่านั้นแต่ทั้งมหาวิทยาลัยรังสิตก็ถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่อีกครอบครัวหนึ่งของผมเลย”
เส้นทางการเต้นของ “วิคเตอร์”

วิคเตอร์เริ่มเต้นตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยเริ่มจากการเต้นลีลาศสไตล์ละตินเขาเล่าว่า จากเมื่อก่อนเป็นคนเก็บตัว ขี้อาย และไม่มั่นใจในตัวเอง
แต่แล้วการเต้นก็ช่วยเปลี่ยนแปลงให้วิคเตอร์กลายเป็นคนมั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นวิคเตอร์ตั้งใจว่าจะยึดเส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักที่พาเขาไปถึงความฝันของชีวิต แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน“หลังจากที่จบจาก Performing Arts ระดับ High Schools
ที่ออสเตรเลียก็เริ่มทำงานเกี่ยวกับการเต้นมาโดยตลอด

จนวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุข้อเท้าพลิก เส้นเอ็นขาด ก็เครียดว่าถ้าหากเราเต้นไม่ได้จะทำอย่างไรดีจึงเริ่มมองหาแผนสำรองให้ตัวเองว่าควรจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยไหมจะได้มีปริญญาที่สามารถเอาไปต่อยอดได้จึงตัดสินใจย้ายมาเรียนที่ประเทศไทย ตอนแรกคิดว่าจะตั้งใจเรียน

ไม่ต้องคิดเรื่องเต้น แต่มันก็ห้ามไม่ได้ครับ เพราะว่าเรารักการเต้นจริงๆ มันเป็นPassion ของผม ก็เลยเลือกที่จะกลับมาเต้นต่อไป ฝึกซ้อม ฝึกฝนพยายามเรียนรู้เพิ่มเติม พัฒนาตัวเอง จากแค่ความชอบก็กลายมาเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้กับตัวเอง กับการเป็นครูสอนเต้น และ Choreographerซึ่งเป็นอีกบทบาทที่สำคัญในชีวิตของผมครับ ตอนนี้ก็สอนอยู่ที่ Studio Zoomที่สุขุมวิท และยังได้ร่วมงานเป็นคู่เต้นกับพี่ๆ ดาราด้วยครับ ทั้ง พี่แต๋ว (ณฐพรเตมีรักษ์) พี่ณเดชน์ คูกิมิยะ พี่ซาร่า (นลิน โฮเลอร์) และก็มีได้ไปออกรายการ I
Can See You Voice และยังเข้าร่วมการประกวดต่างๆ มากมายครับ”

พรสวรรค์จะไม่มีความหมาย ถ้าไม่มีใครเห็นคุณค่าวิคเตอร์เล่าว่าตนนั้นโชคดีที่ครอบครัวให้การสนับสนุนทุกอย่าง
มีครั้งหนึ่งที่เขาต้องย้ายจากบ้านเกิดที่ Canberra (เมืองหลวงของออสเตรเลีย)ไปอยู่ที่ Sydney เพื่อศึกษาต่อในโรงเรียน Performing Arts ตั้งแต่อายุ 15เพียงคนเดียว นับเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวแต่ครอบครัวก็ยังเคียงข้างและให้การสนับสนุน

“พ่อแม่ไม่เคยบอกเลยว่า อย่าเต้นนะ การเต้นไม่ใช่อาชีพที่ก้าวหน้าแต่เขาจะพูดอยู่ตลอดเวลาทำให้เต็มที่ ตามความฝันไปให้สุด
ซึ่งรู้สึกว่าโชคดีมากๆ เพราะรู้ว่ายังมีหลายคนที่ครอบครัวไม่ได้ให้การสนับสนุนแต่ผมก็อยากเป็นกำลังใจกับทุกคนให้พยายามต่อไปครับ
ถ้าสุดท้ายเราทำเต็มที่แล้ว อย่างไรมันต้องสำเร็จในสักวันหนึ่งที่สำคัญเมื่อผมเลือกที่จะเรียนต่อแล้ว ผมก็จะไม่ละทิ้งการเรียนครับ

สำหรับผมรู้สึกว่าการเรียนต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะเราใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยแค่ 4 ปีเอง จันทร์ถึงศุกร์เราเรียน
เสาร์อาทิตย์เราก็เต้น วันอังคาร วันพฤหัสบดีเราก็ต้องเข้าไปที่สตูดิโอเพื่อจะไปสอนด้วย เลยไม่มีเวลาพักผ่อนเท่าไหร่ครับ
อะไรที่เป็นเรื่องเรียนเราก็ทำให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นค่อยไปทำอย่างอื่น แรกๆมันก็ยาก แต่ผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกว่าปรับตัวได้แล้วครับ”

ในปัจจุบัน การจำกัดความตัวเองว่าเป็น “นักเต้น”แล้วเต้นได้อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ วิคเตอร์อยากให้เรียกตัวเขาว่า “นักแสดง”
เพราะเขาไม่จำกัดขีดความสามารถตัวเองไว้แค่เรื่องเต้นแต่ยังพัฒนาในด้านการร้อง การแสดง ควบคู่ไปด้วย
โดยเป้าหมายสูงสุดของวิคเตอร์คือการเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองที่จะมีทั้งการเต้น การแสดง แบบครบวงจร

“ผมรู้สึกว่าการเต้นคือสิ่งที่อยู่ในสายเลือดของผมไปแล้ว มันเลิกไม่ได้ก็เลยมองว่าจะต่อยอดให้มันเป็นธุรกิจยังไง
การเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองจึงเป็นคำตอบครับ”สุดท้ายนี้ วิคเตอร์ได้ฝากกำลังใจมาถึงน้องๆ ที่กำลังเดินตามความฝันว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความมั่นใจ และเชื่อในตัวเอง“เราต้องเชื่อว่าเรามีศักยภาพพอที่จะทำให้สำเร็จได้ อาจจะเหนื่อยอาจจะท้อ อาจจะยอมแพ้กี่รอบ แต่ก็ต้องลุกขึ้นใหม่เพราะในโลกนี้มันไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ อย่าหยุดที่จะเรียนรู้อย่างตัวผมเองก็ฝึกฝนอยู่ตลอด ไม่มีเวลาให้เรารู้สึกว่าตัวเองดีที่สุด เต้นมา 15ปีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ต้องขยัน และต้องตั้งใจทำให้เต็มที่ครับ”