คุยกับพลอย พลอยไพลิน นางเอกสุดฮาใน | Low Season สุขสันต์วันโสด

คิดจะพัก-จากเจ้าของเพจ ‘พลอยเรียนจบแล้วทำอะไรต่อ?’ เด็กสาวทรานส์-ไซบีเรียผู้ออกเดินทางค้นหาตัวตนความเป็นตัวเองใน 8 ประเทศ 37 วัน
พร้อมด้วยผลงานการเขียนหนังสือเล่มแรกของเธอ ‘วิชาเดินทางหลังเลิกเรียน’พ่วงด้วยตำแหน่งน้องสาวของนางเอกช่อง 7 สี อย่าง ‘พิม-พิมประภา ตั้งประภาพร’

ด้วยโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาของนางเอกสาวคนนี้ จึงทำให้ผู้กำกับอย่าง ‘เป้-นฤบดี เวชกรรม’ ต้องใจเข้าอย่างจัง และท้ายที่สุดได้เลือกพลอยไพลินมารับบท‘หลิน’ ใน Low Season สุขสันต์วันโสด ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดจากสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซเข้าฉาย 13 กุมภาพันธ์นี้

Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?

เป็นเรื่องของ หลิน สาวออฟฟิศธรรมดาคนนึง ที่มีซิกซ์เซนส์เห็นผีต้องมาอกหักจากแฟนหนุ่มที่เป็นซุป’ตาร์ เลยอยากจะmove onให้ได้
จึงเลือกวิธีเจ็บแต่จบ เริ่มที่ไหนจบที่นั่น ทำให้ต้องออกเดินทางไปท่องเที่ยวเพราะอยากหายพัง แต่ดันไปเจอคนที่เพิ่งโสดมาเหมือนกันค่ะ
บนดอยซึ่งเป็นโฮมสเตย์ที่หลินไปพัก จากโฮมสเตย์ที่คิดว่าจะไปพักรักษาใจกลายเป็นแหล่งบำบัดของคนพังไปซะงั้น แถมยังต้องไปเจอกับ พุธ (มาริโอ้)นักเขียนบทที่มาหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทหนังผีแมสๆด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างทำให้ต้องไปช่วยเหลือเขาในการเขียนบทเรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้นขึ้นค่ะ

 ความท้าทายที่ต้องเผชิญในการรับบทนางเอกภาพยนตร์เรื่องแรกของชีวิตรู้สึกอย่างไรบ้าง?

เป็นนางเอกเรื่องแรกทั้งกดดันและท้าทายมากค่ะพลอยคิดว่าพลอยเป็นใครก็ไม่รู้ คนจะมาดูพลอยไหม
ซึ่งพลอยก็ต้องทำการบ้านค่อนข้างเข้มเลย เพราะก่อนถ่ายทำก็จะมีไป Workshopด้วย แต่ทางผู้กำกับไม่อยากให้ Workshop จนเสียตัวตนเราเพราะเขาเขียนหนังเรื่องนี้จากที่เป็นเราอยู่แล้วค่ะผู้กำกับบอกว่าอยากได้ความเป็นธรรมชาติ ก็เลยต้องไป Workshop
เพื่อให้เข้าใจตัวละคร ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ไปถ่ายต่างจังหวัดมันไกลแล้วก็ต้องเข้าป่าลุย ก็ค่อนข้างจะท้าทายพลอยอยู่ค่ะ

 กว่าจะมาเป็น ‘หลิน’ ของพลอยไพลิน กับการทาบทามนานถึง 2 ปี

จนคิดว่าเกือบโดนหลอกเสียแล้วย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีกว่า ไม่รู้ว่าพี่แอน(โปรดิวเซอร์)หรือใครติดต่อมาค่ะ
พี่เขาบอกว่าจะมีหนัง อยากให้พลอยมาเล่นมันเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วคาแรคเตอร์พลอยได้ เขาก็เล่าคร่าวๆ
ให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ฟังแล้วมันสนุกดี ก็เลยอยากรู้ว่าตอนจบเป็นอย่างไรเราเลยถามผกก. ซึ่งพี่เป้ผกก.บอกพี่ยังเขียนบทอยู่เลย
จนสุดท้ายมันนานจนเราตัดใจไปแล้วว่าคงไม่ได้เล่นหรอกแล้วพี่แอนก็ติดต่อกลับมาจริงๆ บอกว่าบทเสร็จแล้วนะพร้อมที่จะให้เล่นแล้วค่ะ

 ‘หลิน’ ในมุมมองของ ‘พลอยไพลิน’ เป็นคนอย่างไร?

หลิน เขาจะเป็นคนค่อนข้างจะสู้ แต่เพื่อคนที่เรารักอะไรๆ ก็ยอม พี่ต่อคือ onlyone ไม่มีอะไรมากกว่าเขาอีกแล้ว เมื่อถึงจุดๆ
หนึ่งที่มันไม่ไหวแล้วก็จะตัดขาดก็ตัดให้มันจบๆ ไปเลยคิดว่าตัวละครของหลินนี่น่าจะ Base on true story ของใครหลายๆ
คนที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงและผู้ชายเพราะเราเชื่อว่าการที่คนจะออกเดินทางคนเดียวมันต้องมีเหตุผลคือบางคนอาจจะต้องการไปเที่ยวพักผ่อน แต่เราว่าเหตุผลส่วนใหญ่คืออกหักหลินเหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของใครหลายๆคนที่อกหักแล้วต้องการจะเยียวยา
เพราะอยู่ที่เดิมแล้วมันลืมภาพเก่าไม่ได้ก็ต้องตัดขาดโดยการออกเดินทางไปเที่ยวเพื่อให้ลืม

 แล้วตัวละคร ‘หลิน’ มีความเหมือนหรือต่างจากตัวตนของ ‘พลอย’มากน้อยขนาดไหน?

คือค่อนข้างมีความใกล้เคียง เป็นคนที่ห้าวๆ เหมือนที่พี่เป้บอกว่าเล่นเป็นตัวเรารู้สึกอย่างไรก็แค่โวยวายแบบนั้น เราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
แล้วด้วยความที่ต้องกลัวผีเราก็กลัวผีจริงๆและเป็นคนที่ซาบซึ้งกับธรรมชาติทุกอย่าง มองโลกในแง่บวกหลินก็เป็นผู้หญิงแบบเรานะ ถ้าตามนิสัยส่วนที่ไม่เหมือนกันเลยก็น่าจะเป็นแค่เรื่องเดียวคือหลินไม่เคยพบโลกไม่เคยรู้ว่าการท่องเที่ยวเป็นยังไงค่ะ

 จากพี่โชนของน้ำ กลายมาเป็น พุธของหลิน เป็นอย่างไรบ้างการทำงานกับ
‘มาริโอ้ เมาเร่อ’

ตื่นเต้นค่ะ เพราะว่าถ้าคนที่รู้จักเราจริงๆ อย่างพี่พิม(พิมประภาตั้งประภาพร)จะรู้เลยว่าเราเป็นคนที่ชอบดารามาก ชอบศิลปิน เป็นแฟนคลับ
แล้วตอนที่เจอพี่มาริโอ้ครั้งแรกตอนฟิตติ้งกรี้ดเลยเพราะพี่มาริโอ้คือพี่โชนของน้องน้ำที่เราดูตอนสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก(ปี 2553)
วันนี้เราก็ได้เป็น หลิน กับ พุธ นะคะ คนที่เราดูตอนนั้นมาทำงานกับเราตอนนี้เราก็กดดัน เพราะเราอยากให้รู้สึกว่าเขาภูมิใจที่แบบได้ทำงานกับเราอยากทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ผิดหวังที่เลือกเรามา ไม่ใช่แค่พี่มาริโอ้แต่ทั้งพี่แอน(โปรดิวเซอร์) พี่เป้(ผู้กำกับ)
และทุกคนที่รู้สึกว่าเขาให้โอกาสเรามาแล้ว เราอยากให้เขาภูมิใจ

 การร่วมงานครั้งแรกกับผู้กำกับอารมณ์ดี ‘เป้-นฤบดี เวชกรรม’

เราว่าพี่เป้เป็นคนที่ค่อนข้างพูดน้อยค่ะ เงียบๆ แต่พูดทีคือหมัดหนักค่อนข้างจะใจดี ทำงานสบายๆ เป็นกันเอง คือไม่ได้มากดดันอะไรเรามาก
เขาก็แค่จะคอยบอกว่าทำดีแล้ว คือทุกครั้งที่เราเล่น เราชอบไปนั่งหน้ามอนิเตอร์เราก็จะถามเขาทุกฉากเลยว่าดีพอรึยังคะ คือเขาเหมือนแบบให้กำลังใจเราแล้วมันจะมีรอบนึงที่เขาคงแบบรำคาญเราหรือเปล่าไม่แน่ใจอารมณ์แบบถามทุกซีน ยันคิวสุดท้าย เราก็ถามเขาว่าดีรึยังคะ เขาเลยบอกว่า‘ห่วยแตก’ (หัวเราะ) เขาบอกต้องการแค่นี้ใช่ไหม แล้วพี่เป้เขาจะชอบ improviseชอบแบบไม่ต้องเน้นบทเป๊ะมาก
หมดฉากแล้วแต่ถ้าจะเล่นอะไรกันต่อเขาก็เอาไว้เหมือนกันอย่างฉากที่เข้ากับพี่กะเร (เปิ้ล นาคร) พี่โอ้ขาไปเตะโดนไฟ เขาก็ชอบ
เขาชอบความแบบธรรมชาติ

การร่วมงานกับพี่ๆ แก๊งคนโสด(โฟร์ ศกลรัตน์/นิกกี้ ณฉัตร/อ้น ศรีพรรณ/โจ๊กอัครินทร์) ชุลมุน วุ่นวาย ฮากระจายวายป่วงขนาดไหน?คือต้องขอเล่าก่อนว่าในเรื่อง Low Season หลิน เขาต้องออกเดินทางขึ้นดอยแล้วไปพักที่โฮมสเตย์นึง ทีนี้โฮมสเตย์นี้ก็ดันมีคนที่พังเหมือนกันมา ขอเรียกว่า‘แก๊งคน(เพิ่ง)โสดแห่งบ้านบนดอย’ แล้วกันค่ะซึ่งก็ได้นักแสดงรุ่นพี่ฝีมือจัดจ้านครบรสมาร่วมสร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ทุกคนมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของตัวเอง

อย่างพี่ โฟร์ ศกลรัตน์ ในเรื่องรับบทเป็นนุ่น แอร์โฮสเตสสาวสวยที่โสดเพราะถูกเทในวันแต่งงานซึ่งตัวจริงพี่โฟร์เป็นคนที่ร่าเริงสดใส คอยแกล้งพี่นิกกี้พี่นิกกี้ก็จะโดนแกล้งและแกล้งกลับพี่โฟร์เหมือนกัน ซึ่งในเรื่องพี่ นิกกี้ ณฉัตรก็เล่นเป็น วิทยา หนุ่มบาริสต้าที่จับได้ว่าแฟนแอบไปกิ๊กกับเพื่อนสนิทของตัวเองส่วนพี่ โจ๊ก อัครินทร์ คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่สุด ใน Low Season พี่เขาเล่นเป็น พี่โอมเจ้าของโฮมสเตย์บ้านบนดอย ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวพ่อของเหล่าคน(เพิ่ง)โสดซึ่งตัวจริงพี่โจ๊กก็จะคอยกำกับพี่นิกกี้ให้แกล้งพี่โฟร์ แต่ชอบพูดว่าแบบไม่เอาสิน้องไม่แกล้ง แต่ก็ไม่ห้าม เป็นคนคอยร่วมวงแบบเงียบๆส่วนพี่อ้นก็คือสายเม้าท์แบบชวนคุยค่ะ

อย่างบทที่พี่ อ้น ศรีพรรณ ได้ คือเล่นเป็นพี่อ้อม แม่บ้านประจำโฮมสเตย์ ที่ชอบทำตัวเสมือนเป็นเมียพี่โอมมันจะมีฉากนึงที่เป็นฉากกินข้าวเย็น หน้าฉากก็คือนั่งระหว่างรอเซ็ตคุยกันไม่หยุดเลย แบบกินข้าวอยู่ดีๆ ก็ลากเข้ามาในไดอะล็อกเฉยเลยและจะมีซีนในเกสต์เฮ้าส์ที่ทุกคนต้องมาเจอกันแล้วพี่นิกกี้ชอบมีมุกที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน อย่างพี่เขาจะเอาแชมพูมาสระผมคือเขาก็จะคุยกันแบบเงียบๆ ไม่ให้เรารู้ พอเราหันไปมันก็มีความเซอร์ไพร์สจริงๆหรืออย่างฉากไฟไหม้แล้วเขาก็แบบคลาน คือเป็นอะไรที่นอกบทเขาสามารถทำให้มันมีอะไรได้ ตลกมาก ค่อนข้างเป็นคนที่ครีเอทีฟมากค่ะ

 ในภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนรวมนักแสดงรุ่นพี่ไว้หมดเลยพลอยแอบมีกังวลบ้างไหม เพราะเราคือน้องเล็กและใหม่สุดในกลุ่ม?

กังวลมากค่ะพี่ๆ เขาเป็นรุ่นใหญ่กันหมดเลยตอนแรกคิดว่าเขาคงไม่อยากคุยกับเราแน่เลย เพราะเราก็เป็นหน้าใหม่
เราก็รู้สึกกดดัน กังวล เพราะรู้สึกว่ากลัวทำให้เขาเสียเวลา แต่พอมาเจอจริงๆแล้วทุกคนน่ารักมากเฮฮาร่าเริงชวนคุย ทำให้เราไม่กดดัน เราก็รู้สึกว่าเราไม่เกร็งเกร็งน้อยลงถึงแม้ว่าคิวแรกๆ จะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่พอหลังๆคือได้เล่นได้คุยกันค่ะ

 ฉากที่พลอยจะจดจำไปตลอดชีวิตในการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก

ฉากที่ดูดาวค่ะ แบบเปิดเพลงแล้วก็นั่งดูดาว ในหนังที่เราพูดว่า ‘ดีจังอ่ะ’คือมันดีจริงๆ ตอนนั้นคือมันเห็นดาวเต็มฟ้าเลยค่ะ เราคิดว่าถ้าเป็นเราจริงๆแล้วได้ไปนอนตรงชายคาตรงนั้นเหมือนกับหลิน ปูผ้านอนแล้วดูดาวอากาศมันเย็นมันหนาวจริงๆ ต้องรอไปดูในหนังกันนะคะ เพราะ Mood มันดีจริงๆเปิดเพลงด้วยเพลงของเขียนไข และวานิช เพลงภาพฝันในจักรวาล เราชอบท่อน‘เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน ดวงดาวส่องแสงวับวาวเมื่อพบเจอ’ด้วยความที่จังหวะดนตรีเบาสบาย ไม่หนัก ทำให้แล้วเราก็ชอบเพลงนั้นไปเลยค่ะ

 ฉากไหนที่พลอยคิดว่าลุย เละ ทรหดที่สุดแล้ว

ที่พลอยรู้สึกว่าโหดที่สุดน่าจะเป็นวันที่ถ่ายทำนาขั้นบันได เพราะมันลื่นมากค่ะมันไม่ได้โหดที่แอคชั่นหรือแอคติ้ง แต่มันโหดตรงที่ตอนเดินเข้าไปต้องนั่งรถโฟร์วิล กว่าจะได้เข้าไป กว่าจะแบกของ กว่าจะลุยเป็นนาขั้นบันไดที่ลื่นมากจนต้องเกร็งขาเลยค่ะ วันนั้นเลยเหนื่อยมาก
มันไม่ได้ถ่ายทำแค่ที่เดียว แต่ต้องย้ายโลเคชั่นด้วยมันต้องนั่งรถไปอีกที่นึงและเดินข้ามไปอีกที่หนึ่ง มันค่อนข้างเหนื่อยเดินทาง
ซึ่งทุกคนลื่นหกล้มกันเกือบหมดเลยค่ะเพราะวันแรกที่ไปถ่ายทำที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าสถานที่ถ่ายทำมันเป็นอย่างไร
และทีมงานไม่ได้เตรียมตัวเลย อย่างการใส่สตั๊ดดอย(รองเท้ากันลื่น)ค่ะก็ลื่นล้มกันไปเป็นโดมิโนเชียว

 ความพิเศษ หรือเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้เห็นใน Low Season

เราว่าหนังเรื่องนี้มีความผสมผสานกันในหลายๆ ด้าน ทั้งความโรแมนติกผสมกับการเที่ยว กลิ่นไอของความเหงา ที่ทั้งฝน เที่ยวคนเดียว
แต่มันก็ไม่ได้เหงาเพราะมีเพื่อนแปลกหน้าที่คอยมาสร้างเรื่องราวสนุกๆ ตลกๆให้เรา มีตลกด้วย มีผีเข้ามาอีก คือทุกอย่างมันเป็นการผสมผสานกันในเรื่องเดียวหนังเรื่องนึงมันมีหลายมุมมองหลายความรู้สึกให้เราได้สัมผัสแล้วด้วยความที่ว่าหนังถ่ายหน้า Low Season จริงๆ ต้นไม้ ฝน หมอกความหนาว แสงแดด หรืออย่างความชื้น โคลน ลื่น ทุกอย่างมันคือจริงหมดเลยจะได้เห็นความเรียล ไม่ใช่แค่ตัวละคร แต่ทั้งสภาพอากาศคือความจริงหมดสถานที่ที่เราไปถ่ายทำมันก็มีอยู่จริงๆ มีบ้านพักจริงๆ ที่เป็นเรื่องราวนั้นจริงๆคือทุกอย่างมันเกือบจะ Base on true story เคยเกิดขึ้นจริงกับคนๆ นึงแล้วก็มาดัดแปลงให้มีเรื่องราวมากขึ้น

 ฝากภาพยนตร์เรื่อง ‘Low Season’

ฝากภาพยนตร์เรื่องแรกของพลอยด้วยนะคะ เรื่องนี้พลอยตั้งใจทำมากจริงๆไม่ใช่แค่พลอยแต่นักแสดงทุกคน ทีมงานทุกคน ผู้กำกับ ทุกๆ คน แม้กระทั่งฝ่ายPR ทุกคนก็ตั้งใจอยากจะทำหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีจริงๆแล้วเราก็เชื่อว่าหนังเรื่องนี้มันจะทำให้ทุกคนเห็นมุมมองใหม่ๆ
ของทั้งการท่องเที่ยวไทย ว่าประเทศไทยมีความสวยงามอย่างไรและความสนุกของหนังที่ทั้งตลก โรแมนติก มีความน่ากลัว
มีความเป็นมากกว่าหนังโรแมนติกคอเมดี้ทั่วไปเราว่าหนังเรื่องนี้น่าจะให้อะไรกับคนดูได้บ้างแล้วเราก็หวังว่าหนังเรื่องแรกของพลอยจะได้รับความเอ็นดูจากทุกๆ คนนะคะ