ของต้องห้าม นำขึ้นเครื่องบิน | รู้ก่อนเช็คอิน

หลายคนมีคำถามในใจ จะจัดกระเป๋าอย่างไรดี นอกจากเสื้อผ้าแล้ว สิ่งของจำเป็นประเภทของเหลว สนามบินมีข้อจำกัดอย่างไร โหลดใต้ท้องเครื่องบิน หรือถือขึ้นเครื่องบินไปได้ และของต้องห้ามอื่นๆ มีอะไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มาช่วยในการตัดสินใจ พร้อมคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการเช็คอิน

 

อย่านำสิ่งของมีค่าใส่กระเป๋าสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน เช่น แล็ปท็อป, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, จิวเวอร์รี่(เพชร พลอย), เงินสดและทองคำ, กล้องถ่ายรูป

 

มาตรการเรื่องของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่น ๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

เป็นขั้นตอนการตรวจค้นสำหรับผู้โดยสาร และเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานที่เดินทางไปกับอากาศยานในทุกเที่ยวบินที่ทำการบินออกจากทุกท่าอากาศยานของ ทอท. รวมทั้งเจ้าหน้าที่และบุคคลที่ได้รับสิทธิในการเข้า-ออกพื้นที่หวงห้ามหลังจุดตรวจค้น ณ ทุกท่าอากาศยานของ ทอท. โดยไม่ใช้ปฏิบัติสำหรับของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ประเภทยาและนม หรืออาหารสำหรับเด็กทารก ซึ่งอนุญาตให้นำขึ้นในห้องโดยสารอากาศยานได้ในปริมาณที่เหมาะสม

 

สิ่งของที่นำขึ้นเครื่องได้ แต่มีข้อจำกัด !

  • ของเหลวใน 1 บรรจุภัณฑ์ ไม่เกิน 100 ml. เมื่อรวมหลายบรรจุภัณฑ์ ต้องไม่เกิน 1,000 ml. ใส่ไว้ในถุงพลาสติกใสแบบ Zip-lock ขนาด 20 x 20 ซม. (ถือขึ้นเครื่องได้)
  • ของเหลวใน 1 บรรจุภัณฑ์เกิน 100 ml. (โหลด)
  • ของแหลมคมทุกชนิดให้ใส่ในกระเป๋าสัมภาระที่ Check-in (โหลด)
  • มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สายการบิน ณ เคาน์เตอร์ Check-in เพื่อดำเนินการการรักษาความปลอดภัย
  • Power Bank ที่มีความจุไฟฟ้า ไม่เกิน 32,000 mAh (ถือขึ้นเครื่องได้)
  • อาหารที่มีกลิ่นต่างๆ ทุเรียน ปลาร้า อาหารทะเล เนื้อสัตว์สด/แช่แข็ง จะต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ว่าถูกบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์อย่างดี  และขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่  (ถ้าผ่านพิจารณา ต้องโหลด)

 

สิ่งของ “ต้องห้าม”  !

  • สัตว์มีพิษ หรือดุร้ายที่มีขนาดใหญ่ และสัตว์ติดเชื้อ
  • Power Bank ที่มีขนาดใหญ่ เกิน ความจุไฟฟ้า 32,000 mAh
  • Power Bank ที่ไม่ระบุความจุไฟฟ้า หรือไม่ระบุขนาด หรือระบุไม่ชัดเจน
  • วัตถุอันตรายทุกชนิด เช่น วัตถุระเบิด ก๊าซ ของเหลวของแข็งไวไฟ สารพิษ สารติดเชื้อ สารกัดกร่อน วัสดุ กัมมันตรังสี
  • วัตถุ หรือสื่อลามก ของลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า ละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา
  • ธนบัตร หรือเหรียญกษาปณ์ปลอม

ขั้นตอนการปฏิบัติ

1. กรณีของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) ที่เป็นสัมภาระส่วนตัว

1.1 ต้องบรรจุในภาชนะที่มีกำหนดปริมาณความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร (กรณีภาชนะที่มีกำหนดปริมาณความจุเกิน 100 มิลลิลิตร แต่มีของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) บรรจุอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่เกิน 100 มิลลิลิตร จะไม่อนุญาตให้นำขึ้นในห้องโดยสารอากาศยาน)

     1.2 ภาชนะที่บรรจุของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) ตามข้อ 1.1 ต้องถูกใส่รวมในถุงพลาสติกใส รวมกันแล้วไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร (หรือปริมาณที่เทียบเท่าในหน่วยวัดปริมาณอื่น) และปิดผนึกปากถุงให้เรียบร้อย โดยอนุญาตให้ผู้โดยสาร 1 คน ต่อ 1 ถุง

     1.3 ให้ผู้โดยสารแยกถุงพลาสติกใสตามข้อ 1.2 ออกจากกระเป๋า/สัมภาระอื่นๆ ที่จะนำขึ้นในห้องโดยสารอากาศยาน รวมทั้งเสื้อคลุม และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจค้นเป็นการเฉพาะ

2. กรณีของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) ที่เป็นสินค้าปลอดอากร

 2.1 ผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารผ่าน หรือผู้โดยสารเปลี่ยนลำ ที่มีถุงบรรจุของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) ที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานหรือบนอากาศยาน อนุญาตให้นำขึ้นในห้องโดยสารอากาศยานได้ หากถุงนั้นปิดผนึกและไม่มีร่องรอยการฉีกขาด หรือเปิดปากถุงหลังจากการซื้อ

     2.2 ต้องมีหลักฐานที่แสดงได้ว่าซื้อ ณ วันที่เดินทาง โดยรายการที่ระบุต้องตรงกับของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) ที่บรรจุอยู่ภายในถุง

 

มาตรการการตรวจค้นผู้โดยสารและสัมภาระติดตัวก่อนขึ้นอากาศยาน

 

การตรวจค้นผู้โดยสารและสัมภาระติดตัว เพื่อค้นหาอาวุธ วัตถุอันตรายหรือวัตถุต้องห้ามที่ผู้โดยสารต้องนำติดตัวขึ้นเครื่องบิน ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้อาวุธหรือวัตถุอันตรายอื่น ๆ ซึ่งอาจนำมาใช้ในการแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมายถูกนำขึ้นไปบนอากาศยาน ไม่ว่าจะเป็นการพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ การซุกซ่อน หรือนำไปโดยวิธีอื่นใดก็ตาม เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยต่อกิจการการบิน เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

 

การเตรียมพร้อมเพื่อรับการตรวจค้นร่างกายและสัมภาระติดตัวก่อนขึ้นอากาศยาน

 

 

ก่อนเข้ารับการ Check-in ที่เคาน์เตอร์ตรวจรับบัตรโดยสาร ผู้โดยสารต้องเตรียมพร้อมเพื่อผ่านจุดตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย ดังนี้

1. นำของเหลว เจล และสเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ที่บรรจุมาในภาชนะบรรจุขนาดเกินกว่า 100 มิลลิลิตรใส่ในสัมภาระบรรทุก (Checked Baggage) เพื่อทำการ Check-in เนื่องจากไม่อนุญาตให้นำติดตัวขึ้นบนอากาศยาน

2. หากต้องการนำ ของเหลว เจล และสเปรย์ฯ ติดตัวขึ้นบนอากาศยาน (Carry-on) ของเหลวฯ นั้นต้องมีขนาดบรรจุภัณฑ์ไม่เกิน 100 มิลลิลิตร นำใส่ไว้ในถุงพลาสติกใสแบบ Zip-lock ขนาด 20 x 20 ซม. (มีจัดเตรียมไว้ให้ที่โต๊ะบริการ บริเวณด้านหน้าเคาน์เตอร์ Check-in) ผู้โดยสาร 1 คน ต่อถุง Zip-lock 1 ถุง โดยปริมาณของเหลวฯ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 1 ลิตร และนำผ่านเครื่อง X-Ray ซึ่งแยกจากสัมภาระติดตัวอื่น ๆ

3. บรรจุวัตถุแหลมคมทุกชนิดไว้ในสัมภาระที่ต้องการ Check-in เนื่องจากไม่อนุญาตให้นำติดตัวขึ้นบนอากาศยาน

4. ผู้โดยสารที่มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สายการบิน ณ เคาน์เตอร์ Check-in เพื่อดำเนินการตรวจสอบเอกสารและแยกเครื่องกระสุน ณ สถานที่ที่จัดเตรียมไว้ให้

5. ผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้นำพาสาร วัตถุอันตราย และ/หรือสัตว์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่ออากาศยานและบุคคลในอากาศยานทุกชนิดไปกับอากาศยาน ไม่ว่าจะบรรทุกไปกับสัมภาระที่ Check-in หรือนำติดตัวขึ้นอากาศยาน

 

ขั้นตอนการผ่านจุดตรวจค้น

1. ก่อนเข้าสู่จุดตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย
เมื่อผ่านกระบวนการ Check-in และกระบวนการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (ถ้ามี) แล้ว ผู้โดยสารจะเข้าสู่กระบวนการตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบิน โดยในขั้นตอนแรกขอให้ผู้โดยสารเตรียมบัตรระบุที่นั่ง (Boarding Pass) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

2. ณ จุดตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย

     2.1 เมื่อเข้าสู่ช่องทางเครื่อง X-Ray จะมีถาดบรรจุกระเป๋า/สัมภาระจัดเตรียมไว้ให้ ขอให้ผู้โดยสารนำกระเป๋า/สัมภาระทุกชิ้นใส่ในถาดเพื่อผ่านเครื่อง X-Ray หากผู้โดยสารมีคอมพิวเตอร์ชนิดพกพา (Laptop) เสื้อคลุม (Jacket) และถุง Zip-lock บรรจุของเหลว ให้แยกออกจากสัมภาระอื่นเพื่อใส่ถาด สำหรับสัมภาระติดตัวมีค่า ขอให้ผู้โดยสารใส่ในกระเป๋า/สัมภาระของตนและปิดให้เรียบร้อย ก่อนนำใส่ถาดผ่านเครื่อง X-Ray

     2.2 ผู้โดยสารอาจถูกขอให้ถอดเข็มขัดและรองเท้าเพื่อนำผ่านเข้าเครื่อง X-Ray

     2.3 ผู้โดยสารนำถาดผ่านเข้าเครื่อง X-Ray

     2.4 ผู้โดยสารเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ (Walk Through Metal Detector) ตามการกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์จะเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะโดยมีเหตุผลอันเหมาะสม เช่น ผู้โดยสารใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) และผู้โดยสารที่กำลังตั้งครรภ์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด้านหน้าจุดตรวจค้น เพื่อผ่านเข้าช่องทางเฉพาะที่ จัดไว้และรับการตรวจค้นร่างกายด้วยมือ

     2.5 ผู้โดยสารที่เดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะแล้วไม่เกิดสัญญาณเตือน (Alarm) ให้ไปรับกระเป๋า/สัมภาระของตนที่ผ่านเครื่อง X-Ray

     2.6 ผู้โดยสารที่เดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะแล้วเกิดสัญญาณเตือน ผู้โดยสารต้องเดินกลับออกไป เพื่อสำรวจดูอีกครั้งว่า ยังมีสิ่งของที่เป็นโลหะหลงเหลืออยู่ตามร่างกายหรือไม่ หากพบว่ามี ให้นำสิ่งของออกจาก ร่างกายและใส่ถาดที่จัดเตรียมไว้ผ่านเข้าเครื่อง X-Ray และเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะเป็นครั้งที่ 2

     2.7 กรณีผู้โดยสารเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะเป็นครั้งที่ 2 แล้วยังเกิดมีสัญญาณเตือน
เจ้าหน้าที่จะเชิญให้ผู้โดยสารไปรับการตรวจค้นร่างกาย เพื่อตรวจหาสาเหตุที่เครื่องตรวจจับโลหะส่งสัญญาณ

     2.8 ระหว่างขั้นตอนการตรวจค้นร่างกาย ขอให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

     2.9 เมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจค้นร่างกายแล้ว ผู้โดยสารอาจถูกขอรับการเปิดตรวจกระเป๋า/สัมภาระ ที่นำติดตัวมา ขอให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

     2.10 ผู้โดยสารที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีวัตถุต้องห้ามนำขึ้นอากาศยาน บรรจุอยู่ในกระเป๋า/สัมภาระ ขอให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และปฏิบัติตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน

     2.11 ผู้โดยสารที่ไม่สะดวกจะรับการตรวจค้นร่างกายและกระเป๋า/สัมภาระในที่สาธารณะ ทางท่าอากาศยานได้จัดเตรียมห้องตรวจค้นไว้ ขอให้ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับการตรวจค้นเป็นการเฉพาะบุคคล

3. เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจค้น ขอให้ตรวจสอบสัมภาระที่นำติดตัวมาทุกชิ้นก่อนออกจากจุดตรวจค้น

4. ผู้โดยสารปฏิเสธการตรวจค้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจค้นกระเป๋า/สัมภาระหรือการตรวจค้นร่างกาย และปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามมาตรการการรักษาความปลอดภัย ทางท่าอากาศยานขอสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารดังกล่าวผ่านจุดตรวจค้น

 

 

ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2550 กรมการขนส่งทางอากาศได้ประกาศใช้ข้อกำหนดเกี่ยวกับการนำของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุ และสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันติดตัวขึ้นเครื่องบินของผู้โดยสารทุกสัญชาติ โดยสัมภาระติดตัวที่เป็นของเหลวต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่ม อาหารกระป๋อง ช็อกโกแลต น้ำยาบ้วนปาก ครีมโกนหนวด สเปรย์จัดแต่งทรงผม น้ำหอม โคโลญจน์ ครีม ยาหม่อง ยาทาเล็บ เทียนไข ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (เช่น ลิปกลอส มาสคารา ครีมรองพื้น ฯลฯ) และอื่นๆ ที่มีลักษณะเป็นของเหลว สามารถนำขึ้นเครื่องได้

 

  • ขนาดของแต่ละบรรจุภัณฑ์ต้องไม่เกิน 100 มิลลิลิตร (100 CC) ซึ่งของเหลวทั้งหมด
  • ต้องบรรจุภายในถุงพลาสติกใสขนาดไม่เกิน 20 x 20 เซนติเมตร ที่เปิดปิดผนึกได้ (หรือถุงซิปล็อค) โดยขนาดของถุงพลาสติกต้องมีความจุไม่เกิน 1 ลิตร และผู้โดยสาร 1 คน สามารถนำถุงพลาสติกใสขึ้นเครื่องได้คนละ 1 ใบ เท่านั้น
  • สำหรับสินค้าที่เป็นของเหลวที่ซื้อภายในคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี สามารถซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน ยกเว้นผู้โดยสารที่มีจุดหมายปลายทางไปยังประเทศที่มีข้อจำกัดเฉพาะ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.kingpower.com/lags

 

ข้อควรรู้เมื่อต้องพก Power Bank ขึ้นเครื่องบินไปด้วย

ประกาศสำนักงานการบนพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การพาแบตเตอรี่ลิเธียมไปกับอากาศยาน พ.ศ. ๒๕๕๙ 
**ไม่อนุญาตให้นำแบตเตอรี่ลิเธียมที่เป็นแบตเตอรี่สำรองทุกชนิด เช่น Power Bank ใส่ในสัมภาระที่เช็คอิน แต่สามารถนำติดตัวขึ้นไปบนเครื่องได้  ดังนี้ 

ขนาด 20,000 mAh หรือน้อยกว่า …นำขึ้นเครื่องได้ โดยไม่มีการระบุจำนวน
ตั้งแต่ 20,000 – 32,000 mAh …นำขึ้นไปบนเครื่องบินได้ไม่เกิน 2 ก้อน

แต่ ไม่อนุญาตให้พก Power Bank ที่มีขนาด ดังนี้
 – มากกว่า 32,000 mAh …ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินในทุกกรณี
– แบตเตอรี่ลิเธียมที่ไม่ระบุความจุกระแสไฟฟ้า วัตต์-ชั่วโมง (Watt-Hour : WH) หรือขนาดบรรจุของลิเธียม (Lithium Content : LC) หรือระบุไม่ชัดเจน ห้ามมิให้พาไปกับท่าอากาศยาน ไม่ว่าจะใส่ในสัมภาระติดตัวหรือสัมภาระลงทะเบียนก็ตาม

 

 

 

ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวที่ไหน ตรวจเช็คสัมภาระให้แน่ใจ ก่อนขึ้นเครื่อง ว่าสิ่งของ เครื่องใช้ใดสามารถนำติดตัวไปได้ ไม่ว่าจะต้องโหลดไปใต้ท้องเครื่องบิน หรือนำติดตัวขึ้นเครื่องบินไปด้วยก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้การจัดกระเป๋าง่ายขึ้นค่ะ !

 


อ้างอิง :

 

คลุกคลีอยู่ในวงการสื่อกว่า 26 ปี